แนะนำ 10 เครื่องดูดฝุ่นไร้สายยี่ห้อไหนดี ช่วยเบาแรง

 ปัญหาฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ การออกไปข้างนอกไม่ได้มีแต่อันตรายเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไรฝุ่นและเชื้อโรคมีแนวโน้มสะสมตามพื้นที่อยู่อาศัย ไรฝุ่นเหล่านี้สามารถสะสมบนพื้น ผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุสำคัญของผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก

ไรฝุ่นและไรฝุ่นมีขนาดแตกต่างกันไปตั้งแต่มีขนาดใหญ่จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากคุณไม่ทำความสะอาดแม้แต่อนุภาคที่เล็กที่สุดที่เข้ามาในพื้นที่ที่คุณใช้เป็นประจำทุกวัน หรือหากทิ้งฝุ่นไว้ อาจทำให้เกิดอาการแพ้และคันได้ วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ได้แนะนำ 10 เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ดีที่สุด ใช้งานง่าย ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จัก

1. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Xiaomi รุ่น Mi Vacuum Cleaner Light

 

Xiaomi รุ่น Mi Vacuum Cleaner Light เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดราคาถูก และช่วยลดความวุ่นวายในการดูดฝุ่นได้ โดยเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้จะมาพร้อมกับระบบการกรองถึง 3 ชั้น โดยใช้ไส้กรองแบบ HEPA (แผ่นกรองคุณภาพสูง สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้) การถอดล้างทำความสะอาดก็ง่ายดาย โดยสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 45 นาที ด้วยพลังในการดูด 50 AW

ราคา : 3,790 บาท

2. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Pando รุ่น V9 Pro

Pando รุ่น V9 Pro นอกจากจะมีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถหยิบจับมาใช้งานได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ตัวเครื่องก็ยังทำงานแบบแทบจะไม่มีเสียงรบกวนเลย โดยสามารถปรับการใช้งานได้อย่างอิสระตามหัวแปรงของตัวเครื่อง ซึ่งมีให้เปลี่ยนได้ถึง 3 แบบ เหมาะกับการทำความสะอาดหลากหลาย เช่น ทำความสะอาดตามพื้นที่แคบ, ทำความสะอาดเตียง, ทำความสะอาดพื้น เป็นต้น

ราคา : 1,299 บาท

3. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson รุ่น V8 Slim

Dyson รุ่น V8 Slim รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการทำความสะอาด ที่เป็นทางเลือกให้กับหลายคนได้ เนื่องจากมีหัวทำความสะอาดลูกกลิ้งที่มีความนุ่มกว่าเดิมถึง 40% สามารถดักจับอนุภาคของฝุ่นและสิ่งสกปรกขนาดเล็กได้หมดจด 99.97% มาพร้อมหัวดูดที่ถอดเปลี่ยนได้ ไม่ว่าต้องการทำความสะอาดแบบไหนก็ครบจบในเครื่องเดียว

ราคา : 15,900 บาท

4. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Tefal X-PERT ESSENTIAL 360 รุ่น TY7329WO

Tefal X-PERT ESSENTIAL 360 รุ่น TY7329WO เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผลิตเครื่องดูดฝุ่นไร้สายขนาดเล็กออกมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้การทำความสะอาด ที่เคยเป็นงานหนักสำหรับใครหลายคนกลายเป็นเรื่องง่าย โดยรุ่นนี้มีระบบ ‘Advanced Cyclonic Technology’ ที่เข้ามาช่วยแยกอากาศและไรฝุ่นต่างๆ ได้อย่างเหนือชั้น ทั้งยังมีพลังมอเตอร์แรงดูดสูงถึง 6,500 รอบต่อนาที

ราคา : 6,550 บาท

5. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dreame รุ่น V10

เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย จาก Dreame รุ่น V10 สามารถปรับระดับความแรงของการดูดได้ถึง 2 ระดับ ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นขนาดเล็กต่างๆ ได้ถึง 99.99% มาพร้อมกับมอเตอร์ดิจิทัล Brushless Space ทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนหัวดูดได้จุใจถึง 4 แบบ

ราคา : 5,690 บาท

6. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dibea รุ่น G22

Dibea รุ่น G22 รุ่นนี้สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ 2 in 1 ไม่ว่าจะใช้งานแบบมือถือหรือด้ามจับก็สะดวก สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นไปพร้อมกันได้ ช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาด และยังทันสมัยมากขึ้นด้วยหน้าจอ LED ที่แสดงผลการทำงาน บอกสถานะแบตเตอรี่ รวมทั้งสามารถบอกความผิดปกติของเครื่องได้อีกด้วย

ราคา : 12,900 บาท

7. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Philips รุ่น Speed Pro Max Aqua++ รุ่น XC8349/01

Philips รุ่น Speed Pro Max Aqua++ รุ่น XC8349/01 ตัวช่วยทำความสะอาดจาก Philips รุ่นนี้ ถือเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถดูดฝุ่นให้สะอาดได้ถึง 99% ทั้งยังปรับการใช้งานได้แบบ 3 in 1 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Speed ProMax Aqua++ ช่วยทำให้สะอาดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น หัวดูดปรับหมุนได้ 360 องศา

ราคา : 22,990 บาท

8. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Electrolux รุ่น EFP31212

Electrolux รุ่น EFP31212 เป็นหนึ่งในเครื่องดูดฝุ่นราคาถูกที่มีประสิทธิภาพการทำงานครบครัน สามารถดูแลง่ายมากขึ้นด้วยกล่องเก็บฝุ่นขนาด 0.5 ลิตร พร้อมแผ่นกรองแบบ Efficiency Particulate Air ช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ดี ที่ถอดล้างได้ ช่วยลดปัญหาไรฝุ่นตกค้าง ปรับระดับแรงดูดได้ 2 ระดับตามการใช้งาน

ราคา : 4,990 บาท

9. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย LG รุ่น A9K-ULTRA

LG รุ่น A9K-ULTRA ทำงานด้วยระบบ Smart Inverter Motor ที่ทำให้ตัวเครื่องหมุนโดยไร้แรงเสียดทาน ช่วยเพิ่มพลังในการดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่คู่ที่สามารถใช้งานไปพร้อมกับการชาร์จแบตได้ไม่เสียเวลา ตัวด้ามจับปรับความยาวได้ถึง 4 ระดับ สามารถใช้งานได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สูงหรือซอกลึกก็ไม่เป็นปัญหา

ราคา : 20,990 บาท

10. เครื่องดูดไร้สาย Roborock รุ่น Dyad Pro

Roborock รุ่น Dyad Pro รุ่นนี้ ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อทำความสะอาดได้ทั้งแบบแห้งและเปียก ขจัดสิ่งสกปรกตามขอบที่ยากต่อการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยหัวแปรงหมุนที่มีช่องว่างน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร ทั้งยังมีระบบตรวจจับ DirTect ที่จะคำนวนความสกปรกเพื่อปรับระดับการปล่อยน้ำในการทำความสะอาด และแจ้งค่าของความสะอาดผ่านหน้าจอ LED ได้อีกด้วย

ราคา : 15,999 บาท

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายดีไหม

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายมีข้อดีอยู่หลายข้อ ซึ่งถ้าให้เลือกข้อดีที่เห็นภาพได้ชัดที่สุด ก็คือตัวอุปกรณ์มีลักษณะแตกต่างไปจากเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนั้นด้วยขนาดที่ไม่เทอะทะ บวกกับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน จึงตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย

ไม่ว่าจะทำความสะอาดพื้น, โซฟา, เตียง, บริเวณซอกแคบ, ก็ทั่วถึงทุกพื้นที่ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกคน ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเปลืองแรง ที่สำคัญคือทำความสะอาดได้จริง ลดปัญหาทางสุขภาพที่มีสาเหตุมาจากไรฝุ่นต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นใครที่ต้องการจัดการกับไรฝุ่นและสิ่งสกปรก เครื่องดูดฝุ่นไร้สายก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดแรงลดเวลาทำงานบ้านได้ดีเลยทีเดียว